หนึ่งในผลงานวิจัยแห่งชาติ 2560 ทำให้ผู้ปกครองวางใจ พบว่าการจัดอบรม สัมมนา ด้านคุณธรรมจริยธรรม ของครูในโรงเรียน เป็นผลดีทำให้ครูเข้าใจเด็กพิเศษเพิ่มมากขึ้น
ในปัจจุบัน ครูอาจารย์ที่สอนอยู่ในโรงเรียนยังไม่มีความพร้อมหรือความเข้าใจต่อเด็กที่มีความต้องการพิเศษในด้านของคุณธรรมจริยธรรมเท่าที่ควร ทำให้รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการที่เป็นหัวแรงหลักในการพัฒนาการศึกษาชาติต้องทำการบ้านอย่างหนักเพื่อให้ครูนั้นได้มีประสิทธิภาพสูงสุดในด้านคุณธรรมจริยธรรมของการสอนเด็กนักเรียนปกติ และเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
หนึ่งในผลงานวิจัยที่ได้รับการคัดเลือกให้จัดแสดงในกิจกรรม Thailand Research Symposium 2017 ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและการพัฒนาอย่างทั่วถึง ภายในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2560 ของสุรศักดิ์ สีลูกวัด นักศึกษาปริญญาโท สาขาการศึกษาเพื่อการพัฒนา
จิตวิทยาครูการศึกษาพิเศษ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า “ได้ทำการศึกษาวิจัยผลของพฤติกรรมด้านคุณธรรมจริยธรรมของครูผู้สอนในโรงเรียนเรียนร่วม
สำนักงานเขตสายไหม
สังกัดกรุงเทพมหานคร มีทั้งหมด 4 ด้าน
ได้แก่ พฤติกรรมคุณธรรมจริยธรรมที่มีต่อศิษย์
พฤติกรรมคุณธรรมจริยธรรมที่มีต่อตนเอง พฤติกรรมคุณธรรมจริยธรรมที่มีต่ออาชีพ
และพฤติกรรมคุณธรรมจริยธรรมที่มีต่อสังคม พบว่า โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร
ในทุกเขตได้รับนโยบายจาก สำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร
ให้ครูในโรงเรียนเรียนร่วมได้มีโอกาสเข้าร่วมอมรม สัมมนา
เพื่อสร้างความตระหนักและความเข้าใจต่อการจัดการเรียนร่วม
ตลอดจนการแสดงออกทางด้านพฤติกรรมคุณธรรมจริยธรรมของครูผู้สอนในโรงเรียนเรียนร่วมที่มีต่อเด็กพิเศษ
เพื่อให้ครูได้มีทัศนคติและพฤติกรรมด้านคุณธรรมจริยธรรมต่อเด็กที่มีความต้องการพิเศษอย่างแท้จริง
จึงทำให้พฤติกรรมด้านคุณธรรมจริยธรรมของครูผู้สอนในโรงเรียนเรียนร่วม โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากที่สุด
ซึ่งสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.
2542 มาตรา 6
บัญญัติไว้ว่า “การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา
ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรม และวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต
สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผลการจัดอบรมสัมมนาเป็นผลดีต่อการสร้างคุณค่าของคุณธรรมจริยธรรมของครูผู้สอนได้”
สุรศักดิ์ สีลูกวัด ผู้วิจัยยังกล่าวต่ออีกกว่า “ผลการวิจัยยังพบอีกกว่า
ไม่ว่าจะเป็นเพศชาย หรือหญิง หรือแม้กระทั่งวุฒิการศึกษาที่แตกต่างกันนั้นไม่สำคัญ
ทั้งเพศหญิงและชาย ต่างก็มีความเข้าใจ ในด้านคุณธรรมจริยธรรม ตลอดจนหน้าที่ความเป็นครู
ต่อความเท่าเทียมกันระหว่างเด็กพิเศษกับเด็กปกติอีกด้วย สำหรับประสบการณ์การทำงานก็ไม่มีความแตกต่างกัน
เพราะการทำงานของครูผู้สอนของแต่ละบุคคลย่อมได้รับการถ่ายทอดด้านคุณธรรมจริยธรรมจากรุ่นสู่รุ่นเสมอ”
ดังนั้น เป็นผลดีที่สำหรับเด็กปกติ กับเด็กพิเศษ
และโดยเฉพาะผู้ปกครอง ที่ครูอาจารย์ในโรงเรียน
ถ้ามีการฝึกอบรมหรือสัมมนาในด้านของคุณธรรมจริยธรรมอยู่เป็นประจำก็อาจจะทำให้เป็นที่ไว้วางใจของผู้ปกครองได้อย่างแท้จริง
แต่ทั้งนี้การอบรมที่ได้ผลนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับเนื้อหาสาระของการจัดสัมมนาหรือการอบรมและทัศนคติความใส่ใจของครูที่มีต่อสัมมนาหรือการอบรมนั้นๆอีกด้วย
ผู้ใหญ่ในกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
นอกจากจะจัดให้มีการฝึกอบรมในด้านคุณธรรมจริยธรรมของครูแล้ว
ยังจะต้องทำให้ครูมีส่วนร่วมในกิจกรรมนั้นๆอย่างแท้จริง ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะเกิดผลดีต่อทุกฝ่ายอย่างแน่นอน
สุรศักดิ์ สีลูกวัด
www.facebook.com/ZaaraaD/
สุรศักดิ์ สีลูกวัด
www.facebook.com/ZaaraaD/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น